วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Nature of science

Nature of science
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มักได้มาจากกระบวนการแสวงหาความรู้ โดยการศึกษาค้นคว้าสามารถแบ่งออกได้เป็นประเภท จากที่ซับซ้อนน้อยไปยังที่ซับซ้อนมากกว่า ได้ดังนี้

ข้อเท็จจริง (fact) เป็นสิ่งที่เราเห็นได้เชิงประจักษ์ เช่นน้ำแข็งลอยน้ำได้ ก้อนหินแข็งกว่าดิน

มโนทัศน์ (concept) มโนทัศน์เป็นความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุหรือปรากฏการณ์ที่ก่อให้เกิดเป็นความรู้ขึ้น มักเกิดจากการนำข้อเท็จจริงมาสัมพันธ์กัน มโนทัศน์ใหม่เกิดจากมโนทัศน์หลายมโนทัศน์มาสัมพันธ์กัน ซึ่งความเข้าใจมโนทัศน์ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้ เช่นไม่เพียงแต่จำได้ต้องเข้าใจถึงความสัมพันธ์กับอย่างอื่นด้วย

หลักการ (principle) หลักการนั้นเป็นความจริงที่สามารถใช้เป็นหลักในการอ้างอิงได้ หรือได้มาจากการนำมโนทัศน์มาสัมพันธ์กันเช่นเดียวกับการเกิดมโนทัศน์ใหม่

สมมุติฐาน (hypothesis) เป็นคำตอบที่คาดคะเน เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยรู้มาก่อน ที่อาจเป็นไปได้มากที่สุดตามความคิดของแต่ละคนในเรื่องที่กำลังสนใจ อาจเกิดจากความเชื่อ แรงบันดาลใจ จะได้รับการยอมรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับเหตุผลหลักฐานที่มาสนับสนุนหรือคัดค้าน สมมุติฐานที่ว่าถูกสมัยหนึ่งอาจเปลี่ยนหรือยกเลิกไปได้เมื่อมีผู้พบหลักฐานเหตุผลอื่น มาหักล้างสมมุติฐานเดิม สมมุติฐานบางอย่างตั้งขึ้นเป็นเวลานานจนเป็นที่เชื่อถือ ไม่มีข้อโต้แย้งสมมุติฐานนั้นก็อาจกลายเป็นกฎเช่นสมมุติฐานของอโวกาโดร ปัจจุบันยอมรับว่าเป็นกฎของอโวกาโดร

กฎ(law) กฎกับหลักการอาจใช้แทนกันได้ เพราะกฎก็คือหลักการอย่างหนึ่ง เป็นหลักการที่เป็นเหตุและผล เขียนสมการแสดงความสัมพันธ์ได้ กฎอาจจะมาจากการหาเหตุผลแบบอนุมาน หรือแบบอุปมาน แต่กฎก็ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ว่าทำไมจึงมีความสัมพันธ์เช่นนั้น สิ่งที่จะอธิบายความสัมพันธ์ในกฎได้คือทฤษฎี

ทฤษฏี (Theory) เป็นข้อความที่ยอมรับกันทั่วไปในการอธิบายกฎหรือหลักการ กล่าวโดยทั่วไปทฤษฎีคือข้อความที่ใช้อธิบายหรือนำนายปรากฏการณ์ต่างๆ นั่นเอง ในการสร้างทฤษฎีส่วนใหญ่ได้มาจากการสังเกต การทดลอง การจินตนาการและการอุปมาณรวมกัน เพื่อสร้างข้อความที่จะอธิบายการสังเกตนั้นให้ได้ บางครั้งนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ใช้การสังเกตทดลอง แต่ใช้วิธีการจินตนาการ ใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างทฤษฎีขึ้นมาก็ได้ และปรากฏการณ์เพิ่งเกิดขึ้นที่หลังตามที่จิตนาการไว้ก็มีเช่นกัน

ที่มา หัสชัย สิทธิรักษ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น